วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

logo Apple ทำไมต้องแหว่ง แต่แหว่งแล้วดังก็โอนะ ^^

http://image.ohozaa.com/i/f44/0aOapj.jpg
ในปี 1976 สตีฟ จ็อบส์ (STEVE JOBS), สตีฟ ว๊อซเนียก (STEVE WOZNIAK) และรอน เวนน์ (RONALD WAYNE) เมื่อครั้งก่อตั้งบริษัท โดยก่อนหน้านี้ สตีฟ จ็อบส์ ได้ทำงานอยู่ในฟาร์ม APPLE และพวกเขาได้ชื่นชมผลงานเพลงล่าสุดของวง THE BEATLE คือ APPLE STEVE และได้มีความเชื่ออีกว่า APPLE นั้นเป็นผลไม้ที่ดีที่สุด ทั้งสามได้มีความเห็นตรงกันว่าจะใช้ชื่อบริษัทว่า “แอปเปิล” ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1976

ในครานั้น รอน เวนน์ได้ทำการออกแบบโลโก้ของบริษัทแอปเปิลด้วยแนวทางคลาสสิค โดยเป็นรูปของ SIR ISAAC NEWTON นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล (เซอร์ไอแซก นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบแรงดึงดูดของโลก จากการสังเกตการหล่นของลูกแอปเปิ้ลสุก ที่ใต้ต้นแอปเปิ้ล)  และมีผลแอปเปิลลูกหนึ่งกำลังจะตกลงบนหัว และเขียนคำว่า "APPLE COMPUTER" และมีประโยคเขียนกำกับว่า “NEWTON… A MIND FOREVER VOYAGING THROUGH STRANGE SEAS OF THOUGHT … ALONE.”



หลังจากบริษัทแอปเปิลก่อตั้งได้เพียงไม่กี่วัน รอน เวนน์ก็ขอถอนตัวออกไป จึงเหลือเพียงสตีฟ จ็อบส์ กับสตีฟ ว๊อซเนียก ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างบริษัทกันต่อไป โดยเริ่มรับพนักงานเข้ามาและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่แอปเปิลจะออกจำหน่ายเครื่อง APPLE II สตีฟ จ็อบส์ จึงใช้โอกาสนี้ในการปรับเปลี่ยนโลโก้ของบริษัทใหม่ เพื่อต้องการให้มันดูทันสมัยมากกว่าเดิม

สตีฟ จ็อบส์ ได้ปรึกษากับ ROB JANOFF (อาร์ตไดเรคเตอร์ ของบริษัท RIGIS MCKENA ที่รับการว่าจ้างให้ออกแบบโลโก้ของ APPLE) ในการออกแบบโลโก้ใหม่ และได้เริ่มออกแบบและปรับปรุง โดยเริ่มต้นออกแบบโลโก้บริษัทแอปเปิล เป็นลูกแอปเปิลด้วยการทำเงาสีขาว-ดำ

สตีฟ จ็อบส์ ได้ให้ไอเดียว่าโลโก้ของบริษัทควรจะมีสีสัน เพื่อบ่งบอกความเป็นมนุษย์ (HUMANIZE) และ APPLE II เป็นคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเครื่องแรกที่แสดงผลเป็นสีสันได้ เจนอฟจึงได้เพิ่มแถบสีเข้าไป โดยสีของโลโก้แอปเปิลเริ่มจากเขียว เพราะต้องการแสดงถึงใบไม้ จากนั้นก็ไล่สีลงมาคล้ายกับการไล่สีสายรุ้ง คือ สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง และสีฟ้า


ต่อมาพวกเขาพบว่า รูปลูกแอปเปิลที่ออกแบบไว้ ดูไม่ออกว่าเป็นลูกอะไร บางมุมดูเป็นมะเขือเทศ บางมุมดูเป็นผลเชอรี่ ดูไม่ออกว่าเป็นลูกแอปเปิล พวกเขาจึงเพิ่มลูกเล่นในการออกแบบโลโก้ลงไป เป็นลักษณะ “รอยแหว่ง” หรือ “รอยกัด” ซึ่งจะทำให้ดูออกทันทีว่าเป็นผลแอปเปิล

เรื่องราวรอยกัดบนลูกแอปเปิ้ล ได้ถูกนำมาจากการอ้างอิงเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิ้ล ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า ADAM ได้ขัดคำสั่งของพระเจ้าโดยการแอบกินผลแอปเปิ้ลที่อยู่บนสวนสวรรค์ที่มีชื่อว่า EDEN ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าได้สั่งไว้ว่าห้ามแตะต้องเป็นอันขาด เนื่องจาก เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ได้กัดกินผลแอปเปิลที่อยู่บนต้น TREE OF KNOWLEDGE เมื่อนั้นมนุษย์ที่พระเจ้าได้กำหนดให้มีทุกสิ่งยกเว้นปัญญานั้น จะกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาขึ้นมาทันที และจะมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากมายเกินการควบคุมของพระเจ้า ซึ่งจะไม่ควรมีชีวิตอยู่บนสวรรค์อีกต่อไป โลโก้แอปเปิ้ลผลนี้ จึงต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเค้าได้คว้าสติปัญญาที่พระเจ้าพยายามที่จะซ่อนเอาไว้ ให้มนุษย์นั้นคว้าไม่ถึงได้ และรูปโลโก้แอปเปิ้ลมีรอยกัดนี้ จะเป็นการแสดงภาพในเชิงสัญลักษณ์ว่า "พวกเค้ามีปัญญา" นั่นเอง



นอกจากนี้ คำว่า “กัด” (BITE) ในภาษาอังกฤษยังมีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “ไบต์” (BYTE) ซึ่งเป็นหน่วยความจำข้อมูลอิเลคทรอนิกส์ และสามารถสื่อถึงสินค้าคอมพิวเตอร์ได้ และเป็นที่มาของ "BITE THAT APPLE." ที่เป็นประโยคทองคำ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการสนับสนุนให้ทุกคนกล้าหาร กล้าที่จะท้าทายความสามารถ และทำอะไรที่แตกต่างจากสิ่งเดิมๆ แม้ว่าจะต้องทำบางอย่างที่สวนทางกับอำนาจใด ๆ  "BITE THAT APPLE."  จึงเป็นวลีที่ติดอยู่บริษัท APPLE มาจนถึงปัจจุบันนี้

หลังจากที่ใช้โลโก้สายรุ้งอยู่นานถึง 20 ปี ภายหลังแอปเปิลได้มาถึงยุคที่ตกต่ำสุดขีด จนต้องนำตัวสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเคยถูกไล่ออกจากบริษัทไปเมื่อปี 1984 กลับมากอบกู้บริษัทอีกครั้งเมื่อปี 1997 สตีฟ จ็อบส์เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในแอปเปิลในแนวทางของเขา รวมไปถึงโลโก้ของบริษัทด้วย ทั้งนี้ การใช้โลโก้สีรุ้งแบบเดิมจะเข้ากันได้ยากกับสินค้าอย่าง IMAC หรือการขยายรูปโลโก้ที่มีขนาดใหญ่มากๆ แอปเปิลจึงเลิกใช้โลโก้สีรุ้ง และออกแบบโลโก้ใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้โลโก้สีดำ สีขาว หรือสีเงิน แทนรูปแบบเดิม เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ของแอปเปิล ที่มาพร้อมกับแคมเปญ “THINK DIFFERENT” และได้ทำให้แบรนด์ของแอปเปิลเป็นที่จดจำของคนทั่วไปในวงกว้าง

การออกแบบโลโก้แอปเปิลที่มีรอยแหว่งนั้น จึงเป็นโลโก้ที่ได้รับเสียงชื่นชมทั้งในด้านการออกแบบ และความเข้าใจง่ายถึงแบรนด์ และปัจจุบันแอปเปิลได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผู้จดจำได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย

สักวัน logoceleb จะสร้างตำนานการออกแบบโลโก้แบบนี้ให้ดู^^ แต่ว่างๆนั่งใต้ต้นแอปเปิ้ล
กลองเปิดเข้าไปชมผลงานของเรา ได้ที่ www.logoceleb.com แล้วคุณจะเจอผลงานดีๆหลานทับ

: พันธุ์ทิพย์ MACTHAI.COM หนังสือ สตีฟ จ็อบส์ โดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น